ถามคนไทยว่า"ขอม" อยู่ไหน คนไทยก็ตอบว่า ขอมดำดินไปหมดแล้ว ถามคนกัมพูชา ก็ได้รับคำตอบว่า ขอมหายไปหมดแล้วเช่นกัน สรุปว่าขอมหายไปหมดแล้ว ดังนั้นขอมคือใครกันละครับ
คนไทยหลายคนจึงเข้าใจว่าขอมคือเขมร แล้วมันจึงหรือ? ใครช่วยตอบที เขมรสมัยก่อนจะแบ่งออกเป็นเขมรสูง หรือเขมรที่ราบสูง ก็คือทางพิมาย เขมรตำ ก็คือทางกัมพูชาปัจจุบัน
ขอม เป็นชื่อทางวัฒนธรรม ไม่ใช่ชื่อชนชาติ หมายถึงคนกลุ่มหนึ่งที่อยู่บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา นับถือฮินดูหรือพุทธมหายาน ทางใต้ของแคว้นสุโขทัย อาจจะหมายถึงพวก ละโว้ (หรือ ลพบุรี) เอกสารทางล้านนา เช่น จารึกและตำนานต่างๆ ล้วนระบุสอดคล้องกันว่าขอมคือพวกที่อยู่ทางใต้ของล้านนา(ในสมัยอาณาจักรสุโขทัย) เนื่องจากคำว่า ขอม สัญนิษฐานว่ามาจากคำว่า “เขมร”+”กรอม” (ที่แปลว่าใต้) พูดเร็วๆ กลายเป็น “ขอม”
พวกนี้ตัดผมเกรียน และนุ่งโจงกระเบน กินข้าวเจ้า ฯลฯ แคว้นละโว้มีชื่อในตำนาน และพงศาวดารว่า กัมโพช เลียนอย่างชื่อ กัมพูชา ของเขมร นับถือทั้งฮินดูและพุทธมหายาน อาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเขียนอธิบายไว้ว่า ขอมเป็นพวกนับถือฮินดูหรือพุทธมหายาน ใครเข้ารีตเป็นฮินดู หรือพุทธมหายาน เป็นได้ชื่อว่า ขอม ทั้งหมด ขอมไม่ใช่ชื่อชนชาติ เพราะไม่มีชนชาติขอม แต่เป็นชื่อทางวัฒนธรรม เช่นเดียวกับ สยาม
ขอม เขมร ขะแมร์
เดิม ขอม ไม่ได้หมายถึงเขมรกลุ่มเดียว เพราะ เขมร นั้น เป็นคำไทย ซึ่ง หมายถึง ขะแมร์ ชาวเขมร ไม่ได้เรียกตัวเองว่า ขอม และไม่รู้จัก ขอม ต่อมาสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ. 1893 แล้วชื่อ ขอม มีความหมายเปลี่ยนไปเป็นพวกเขมรเท่านั้น สืบมาจนถึงทุกวันนี้ ทำไมชื่อขอม เปลี่ยนความหมายไปเป็นเขมร ? ยังหาคำอธิบายไม่ได้ชัดเจน แต่พอจะจับเค้าว่าเพราะบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยานับถือพุทธนิกายเถรวาทหมดแล้ว รวมทั้งละโว้ แต่ทางเขมรยังมีพวกนับถือฮินดูกับพุทธมหายาน คือขอมอยู่บ้าง
คำว่า ขอม ปรากฏในจารึกวัดศรีชุม สุโขทัย 2 แห่ง ระบุชื่อ ขอมสบาดโขลญลำพง จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นนักวิชาการคนแรก ๆ พยายามศึกษาและอธิบายคำคำนี้ใหม่ ได้เสนอว่า ขอม ไม่ได้หมายถึงชนชาติหรือเชื้อชาติ แต่หมายถึงกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ที่รับวัฒนธรรมฮินดูจากชมพูทวีปแล้วภายหลังเปลี่ยนเป็นพุทธมหายาน (ต่างกับชนชาติไทย-ลาวที่นับถือผีก่อนเปลี่ยนมารับพุทธเถรวาทจากชมพูทวีป) ใช้อักษรขอมในการจดจารึก ซึ่งคนกลุ่มนี้รวมถึงชนชาติเขมรและรัฐเครือญาติทั้งหมด รวมทั้งละโว้ ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นอโยธยาศรีรามเทพนครด้วย คำว่า "ขอม" ถูกใช้เรียกกลุ่มคนโดยรวม คล้ายกับการใช้คำว่า "แขก" เรียกคนอิสลาม/ซิกข์/ฮินดูโดยรวม โดยไม่แยกว่าเป็นคนอินเดีย มลายู ชวา หรือตะวันออกกลาง จิตร ยังอธิบายว่า คำว่าขอม ถูกนำมาใช้ในงานเขียนสมัยใหม่ (ขณะนั้น)โดยมีความรู้สึกชาตินิยมเป็นพื้นมากกว่าข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ เช่นการถือว่าขอมเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เคยแผ่อำนาจมาครอบครองดินแดนในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาจนถึงสุโขทัย มีอำนาจปกครองเหนือชาวไทยโบราณ ต่อมาชาวไทยที่สุโขทัยจึงลุกขึ้นต่อสู้เพื่อให้พ้นจากอำนาจของขอม เพื่อสร้างความรู้สึกชาตินิยมในประเทศไทย
สุจิตต์ วงษ์เทศ นักวิชาการแห่งสำนักพิมพ์ศิลปวัฒนธรรม ก็เสนอว่า ขอม ในที่นี้น่าจะหมายถึงคนในที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ต่อสู้ชิงความเป็นใหญ่กับคนทางเหนือ คำว่าขอม ใช้เรียกคนเมืองละโว้หรือลพบุรี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่เก่าแก่ในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และต่อมาจึงเรียกรวมไปถึงเมืองอโยธยาศรีรามเทพนคร ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอยุธยา จากนั้นในหลักฐานประวัติศาสตร์ของอยุธยา ได้ใช้คำนี้เรียกคนในดินแดนเขมรแถบเมืองพระนครหรือนครธม ในข้อความที่ว่า "ขอมแปรพักตร์"และในกฎมณเฑียรบาล น่าจะหมายถึงคนในเขมรหรือกัมพูชา โดยสรุป คำว่า ขอม เป็นคำเรียกคน มีความหมายทางวัฒนธรรมและมีความหมายเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา
วันพุธที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2556
วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556
ประเทศเกาหลี
ประเทศรวมของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ก่อนที่จะแยกออกจากกันในปี พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ประวัติศาสตร์เริ่มจากอาณาจักรโชซ็อนโบราณ สถาปนาขึ้นโดย "ทันกุน" ต่อมาสมัยสามอาณาจักรแห่งเกาหลี (โคกูรยอ, แพ็กเจ, และชิลลา) ถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นสหอาณาจักรชิลลา ซึ่งมีพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง และต่อมา ค.ศ. 918 ได้สถาปนาอาณาจักรโครยอซึ่งเป็นชื่อของเกาหลี (Korea) และเมื่อราชวงศ์โชซ็อน (ราชวงศ์ลี) ครองอำนาจเปลี่ยนชื่ออาณาจักรใหม่ ชื่อ อาณาจักรโชซ็อนเมืองหลวงชื่อว่า ฮันยาง (กรุงโซล) มีลัทธิขงจื้อ เป็นคติธรรมประจำชาติ และได้ประดิษฐ์อักษรเกาหลี ขึ้น
ในปี พ.ศ. 2453 เกาหลีต้องอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น จนกระทั่งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกาหลีก็ได้แบ่งเป็น 2 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ และ เกาหลีเหนือ อย่างถาวร โดยประเทศเกาหลีใต้สถาปนาเป็นสาธารณรัฐเกาหลี ส่วนประเทศเกาหลีเหนือสถาปนาเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี จะรู้บ้างไหมว่าเป็นเพราะใครที่ทำให้คนชาติเดียวกันต้องมาเข่นฆ่ากันเอง ด้วยการไปแบ่งเส้นเขตแดนให้คนในชาติเกาหลี หลังวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2488 จักรวรรดิ์ญี่ปุ่นได้ประกาศเจตจำนงค์ที่จะยุติสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรในขณะนั้นได้เข้าปลดอาวุธกองกำลังในดินแดนของเกาหลีที่ถูกยึดครองโดยญี่ปุ่น
ในปี พ.ศ. 2491 คาบสมุทรเกาหลีถูกแบ่งเป็นสองส่วนโดยเส้นละติจูดที่ 38 องศาเหนือ (มักเรียกว่าเส้นขนาน 38) โดยสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาไม่สามารถตกลงเรื่องการรวมเกาหลีกันได้ แต่ละฝ่ายจึงประกาศสนับสนุนดินแดนในส่วนยึดครองของตน โดยเกาหลีใต้เรียกชื่อประเทศว่า "สาธารณรัฐเกาหลี" ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกา ส่วนเกาหลีเหนือเรียกชื่อประเทศว่า "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี" ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต
การแบ่งชนชาติ การแบ่งอาณาเขต ตัดญาติขาดมิตรกันไปเพียงแค่ขั้วความคิดที่ขัดแย้งเองเท่านั้น จากความคิดทางประชาธิปไตย กับความคิดแบบสังคมนิยม นี่หรือสิ่งที่มหาอำนาจทิ้งไว้ให้ หรือเรียกว่า "มรดกบาปเลือดดีละ"
ดินแดนไทยในสมัยปี พ.ศ. 2488 ก็เกือบมีการปลดอาวุธด้วยกองกำลังต่างชาติหลังจักวรรดิ์ญี่ปุ่นได้ขอยุติเป็นคู่สงคราม การปลดอาวุธทหารในราชอาณาจักรไทยเราก็เกือบเสี่ยงเช่นนี้
ดินแดนไทยในสมัยปี พ.ศ. 2488 ก็เกือบมีการปลดอาวุธด้วยกองกำลังต่างชาติหลังจักวรรดิ์ญี่ปุ่นได้ขอยุติเป็นคู่สงคราม การปลดอาวุธทหารในราชอาณาจักรไทยเราก็เกือบเสี่ยงเช่นนี้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)